Leverage คืออะไร ทำไมเป็นดาบสองคม ทำความเข้าใจข้อดีข้อเสีย

Leverage คืออะไร ทำไมเป็นดาบสองคม ทำความเข้าใจข้อดีข้อเสีย

คานงัด?” คำจำกัดความของ Leverage หนึ่งในคำศัพย์หนึ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้จัก…. สวัสดีครับ วันนี้เราก็จะมาพบกับหนึ่งในข้อมูลสำคัญของวงการ Forex รวมไปถึงวงการเทรดเดอร์อื่นๆไม่ว่าจะเป็น Cryptocurrency หรือ หุ้นต่างๆเอง ก็มักจะได้ยินคำๆนี้เสมอ

ดังนั้นคำถามต่อมา “Leverage คืออะไร ?” และเหตุใดเทรดเดอร์มากประสบการณ์ทั้งหลายถึงได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “มันเป็นดาบสองคม” และยังเป็นอันตรายต่อเทรดเดอร์ทั่วโลก ในวันนี้ Thaiforexbroker ก็จะขอมาเล่าให้ฟังแบบเจาะลึกครับกันครับ รวมไปถึงข้อแนะนำและข้อควรระวังต่างๆที่ควรจะต้องรู้ถึงการนำไปใช้ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด


ฉบับย่อโดย Thaiforexbroker.com

  • Leverage คือ อัตราส่วนที่จะเข้ามาช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อสินทรัพย์ได้ในราคาที่สูงขึ้นโดยที่มีเงินลงทุนเท่าเดิม
  • เลเวอเรจเป็นดาบสองคม เพราะว่า นอกจากจะสามารถทำให้เรามีโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นแล้วยังสามารถทำให้เรามีโอกาสขาดทุน(ล้างพอร์ต)ได้มากขึ้นเช่นกัน
  • เลเวอเรจ ถือเป็นเป็นเครื่องมีที่ช่วยในการลงทุนที่ดีแต่ทั้งนี้ควรใช้ให้ถูกกับกลยุทธิ์ในการเทรดด้วย

ความหมายของ Leverage คืออะไร

Leverage หรือ เลเวอเรจ คือ เครื่องมือทางด้านการเงินประเภทหนึ่งซึ่งหากนำไปแปลตรงตัวตามภาษาอังกฤษแล้วจะแปลว่า “คานงัดนั่นเอง …. เมื่อได้อ่านมาถึงตรงนี้ใครหลายๆคนก็คงจะงงเหมือนๆกันใช่ไหมครับว่า อะไร คานงัด ? เพราะทีแรกผมเองก็งงเหมือนกัน เอาเป็นแบบนี้ครับว่า ลองอ่านกันต่อไปก่อนครับแล้วท้ายที่สุดจะเข้าใจเอง ว่าแท้จริงแล้วคานงัดคืออะไร ?

รูปที่ 1 คำกล่าวของ Archimedes เกี่ยวกับคานงัด
รูปที่ 1 คำกล่าวของ Archimedes เกี่ยวกับคานงัด

เลเวอเรจ นั้นแท้จริงมีประโยชน์หลากหลายครับและยังเป็นดาบสองคมซึ่งประโยชน์หลักๆของมันคือ เครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการลงทุนของเราให้สูงขึ้นไปอีก หรือ จะสามารถเรียกได้ว่าเป็น “พลังทวี” หรือก็มีพลังที่จะช่วยเพิ่มความสามารถของทุนให้เพิ่มขึ้นไปอีก ดังเช่นคำของ Archimedes นักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เคยกล่าวเอาไว้ว่า Give me a lever long enough and a fulcrum on which to place it, and I shall move the world.” หมายถึง “หากลองให้คานงัดกับเขาที่ยาวมากพอ พร้อมกับจุดศูนย์กลางในการวางคานงัดดังกล่าว เขาจะเคลื่อนย้ายโลกนี้ให้ดู”

ดังนั้นแล้ว เราก็จะสามารถเปรียบ เลเวอเรจ เป็นเหมือนคานไม้อันหนึ่ง เพราะไม่ว่าโลกจะมีน้ำหนักมากแค่ไหนถ้าเรามี เลเวอเรจ(คาน) ที่ยาวมากพอพร้อมกับจุดศูนย์กลางในการงัดที่พอดีแม้แต่โลกใบนี้เราก็จะสามารถยกมันให้ขึ้นมาได้ครับ..ถ้าหากให้เปรียบกับการลงทุนด้านการเทรดฟอเรกแล้วก็สามารถอธิบายได้คร่าวๆว่า “ถ้าคุณมีเงินแค่ 100 $ และถ้าคุณมีเลเวอเรจมากพอคุณก็จะสามารถเทรดโดยใช้ต้นทุนขนาด 10,000 $” ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ซึ่งจะยกตัวอย่างโดยละเอียดในหัวข้อถัดไป


ความสัมพันธ์ Leverage กับ Lot size เบื้องต้น

ก่อนจะไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวอย่างการใช้งาน เลเวอเรจ เราต้องมาเคลียร์กันก่อนครับว่า เลเวอเรจ กับ Lot size ถึงแม้นจะอยู่ในวงการเดียวกันแต่ เลเวอเรจ นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับมูลค่าของ Lot และ Pips เลย เช่น ไม่ว่าคุณจะตั้งค่า อัตราส่วนเลเวอเรจเท่าไร การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 Pip ผลจากกำไรและขาดทุนก็ยังคงเท่าเดิม

เพียงแต่การตั้งค่าเลเวอเรจที่สูงขึ้นช่วยให้คุณสามารถเปิด Order โดยใช้ Lot Size ที่สูงขึ้นได้โดยที่มีทุนเท่าเดิมได้เท่านั้นเองครับ และแน่นอนมันทำให้คุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้นและเสี่ยงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วเราไปดูกันครับว่าลักษณะการทำงานมันเป็นเช่นไรและทำไมเทรดเดอร์ถึงเรียกมันว่า “ดาบสองคม!!”


ตัวอย่างการใช้งาน Leverage

ในหัวข้อต่อไปนี้จะเป็นหัวข้อการยกตัวอย่างการใช้งานและคำอธิบายเกี่ยวกับ เลเวอเรจเบื้องตันสำหรับสองสถานการณ์นะครับ คือในตลาด Forex และการซื้อขายทั่วไปเช่นทองคำนั้นเอง ดังนั้นมันจึงทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความหมายแบบลึกซึ้ง แม้ว่าจะเป็นเทรดเดอร์หรือไม่ก็ตาม อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่อีกด้วยครับจะมีเนื้อหาอย่างไรไปรับชมกันได้เลย

ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในตลาด Forex

รูปที่ 2 ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในตลาด Forex
รูปที่ 2 ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในตลาด Forex

จากรูปตัวอย่างด้านบนนี้จะเป็นการอธิบายถึงประโยชน์ของเลเวอเรจได้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ ซึ่งในกรณีดังรูปภาพด้านบนผมจะขอยกตัวอย่างเงินทุนสมมุติในตลาด Forex อยู่ที่ 100 $ โดยที่เลเวอเรจนั้น ในปัจจุบันโบรกเกอร์หลายๆแห่งมักจะมีตัวเลือกให้เรามากมายซึ่งจะสามารถเลือก เลเวอเรจได้ค่อนข้างหลากหลายเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ (1:1) จนไปถึง (1: ไม่จำกัด) เลยก็มีครับซึ่งทางโบรกเกอร์จะให้เราเลือกในขั้นตอนการบัญชีใช้งานนั่นเอง

ดังนั้นอย่างตัวอย่างในกรณีด้านบน มีเงินทุนสมมุติในตลาด Forex อยู่ที่ 100 $ เมื่อเราเลือกเลเวอเรจ อัตราส่วนใดๆแล้วจะเท่ากับว่าเราสามารถที่จะเทรดได้สูงสุดได้ดัง สมการ “ทุน x เลเวเลจ = จำนวนเงินที่จะเทรดได้สูงสุด” เช่น Leverage 1:100 มีทุน $100 สามารถเทรดสินทรัพย์ใดๆได้ 100 x 100 = 10,000 $  นั่นเองครับ เพราะเหตุนี้เลเวอเรจจึงทำให้เราสามารถออก Lot ได้มากขึ้นถ้าเทียบกับทุนเดิมนั่นเอง ซึ่งจะขอยกตัวอย่างการเทรดให้เห็นภาพดังต่อไปนี้

รูปที่ 3 ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในตลาด Forex (ต่อ)
รูปที่ 3 ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในตลาด Forex (ต่อ)

จากรูปภาพดังกล่าวจะเป็นการยกตัวอย่างการทำกำไรและขาดทุนของพอร์ต Forex ที่มีเงินต้นอยู่เป็นจำนวน 1,000 $ และมีเลเวอเรจถึง 1:100 นั่นเองครับ ดังนั้นจึงหมายถึงพอร์ตนี้สามารถที่จะเทรดสูงสุดได้ถึง 1,000×100 =100,000 $ นั่นเองครับโดยที่สามารถออก Lot size ได้สูงถึง 1 Lot เลยที่เดียว (ความรู้เรื่อง Lot size จะมากล่าวอย่างลึกซึ้งในหัวข้อบทถัดไปนะครับ)

โดยสิ่งที่เกิดขึ้นกับการแทรดแน่นอนครับว่ามีอยู่สองอย่างถือเทรดถูกทางและเทรดผิดทาง ดังนั้นจึงขอพูดถึงในกรณีของการเทรดถูกทางก่อนครับ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเมื่อเราออกออเดอร์ Lot size เท่ากับ 1 เมื่อทิศทางไปทิศที่ถูกทางเราแทบจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับระยะทาง (pip) เลยก็ว่าได้ครับ จากตัวอย่างเราสามารถที่จะทำกำไรได้ถึง 10 เท่าของจำนวนเงินในระยะทางเพียง 1,000 pip เท่านั้นเองครับ

ในทางกลับกันกรณีที่การเทรดผิดทาง จะเห็นได้อย่างชัดเจนครับว่าหากเราออก เดอร์ Lot size เท่ากับ 1 เช่นเดียวกัน หากมีการเคลื่อนที่ผิดทางเพียง 100 pip นั้นก็จะเท่ากับว่าเงินในบัญชีของคุณจะถูกหักล้างให้เหลือ 0 หรือก็คือล้างพอร์ตนั้นเองครับ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า แม้นว่าเลเวอเรจจะทำให้เราสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล แต่ในช่วงเวลาเพียงไม่นานก็จะสามารถที่จะทำให้เราล้างพอร์ตได้อย่างง่ายดายเลย ยิ่งสำหรับกราฟประเภทที่มีการผันผวนหนักๆในระยะทาง 100 pip นี้จะใช้เวลาไม่นานเลยครับและนี้ก็คือที่มาของ “ดาบสองคม”



ตัวอย่างวิดีโอ : การอธิบายหลักการทำงานของ leverage 

อ้างอิง : easyMarkets

คำอธิบายเพิ่มเติม : วิดีโอดังกล่าวจะเป็นตัวอย่างการอธิบายลักษณะการทำงานอย่างง่านของการใช้งาน leverage เปรียบเทียบกับเงินลงทุน


ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในการซื้อทองคำแท่ง

ในหัวข้อนี้ผมก็จะขอมานำเสนอการใช้เลเวอเรจในตลาดทองคำกันบ้างนะครับ โดยส่วนตัวคาดว่าการอธิบายโดยการเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ที่คุ้นเคยจะทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นโดยจะทำการสมมุติการซื้อทองคำดังต่อไปนี้

รูปที่ 4 ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในการซื้อทองคำแท่ง
รูปที่ 4 ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในการซื้อทองคำแท่ง

จากรูปภาพด้านบนจะเห็นได้ว่ามีตัวละครอยู่สองคน คือ นาย ทนงทวย ผู้ที่ไม่มีความสามารถในการใช้งานเลเวอเรจ และ นาย คงควรคอย ผู้ที่สามารถหาแพลตฟอร์มที่สามารถเทรดทองคำได้ด้วยเลเวอเรจ 1 : 10 จะเห็นได้ว่าทั้งสองต้องการที่จะเกร็งกำไรจากทองคำแต่นายทนงทวย สามารถซื้อทองมาได้แค่ 1 บาทเท่านั้นแต่กลับกัน นาย คงควรคอย สามารถที่จะซื้อทองคำได้ถึง 10 บาทด้วยเงินทุนที่เท่าๆกันคือ 25,000 บาทนั่นเองครับ พอจะเห็นภาพหรือยังครับ งั้นไปกันต่อครับ

รูปที่ 5 ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในการซื้อทองคำแท่ง (ต่อ)
รูปที่ 5 ตัวอย่างการใช้งานเลเวอเรจ ในการซื้อทองคำแท่ง (ต่อ)

ต่อมาก็จะเห็นได้ว่าดังกรณีเดียวกันกับตลาด Forex ครับเพียงแต่เราจะเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นโดยรายละเอียดจะแยกออกเป็น 2 กรณีดังนี้

กรณที่ 1 : ทองราคาขึ้น

สมมุติ ทองราคาขึ้น เป็น 30,000 ต่อ 1 บาท จึงเท่ากับว่า กำไร 5,000 x 10  = 50,000 บาท(เพิ่มขึ้น 20% ของราคาซื้อ) ดังนั้นเมื่อนายคงควรคอยมีเงินจริงอยู่ที่ 25,000 บาท จึงทำให้นาย ทนงทวย ได้กำไรถึง 200% ของเงินต้นเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันหากเทียบกับนาย ทนงทวย ก็ได้กำไรไปเพียง 5,000 บาทเท่านั้น โดยที่มีเงินลงทุนเท่าๆกันนั่นเองครับ

กรณที่ 2 : ทองราคาลง

สมมุติ ทองราคาลง เหลือ 22,500 ต่อ 1 บาท จึงเท่ากับขาดทุน 2,500 x 10  = 25,000 บาท(ลดลง 10% ของราคาซื้อ) ดังนั้นเมื่อนายคงควรคอยมีเงินจริงอยู่แค่ 25,000 จึงทำให้ขาดทุนแบบ 100% จึงเกิดการขาดทุนจนเหลือ 0 บาทเพียงเพราะราคาทองลดลงเพียง 10% เท่านั้นเอง แต่ในขณะเดียวกันหากเทียบกับนาย ทนงทวย ขาดทุนเพียง 2,500 บาทเท่านั้นเองครับทำให้เห็นว่า ถึงแม้นาย คงควรคอย จะมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าแต่ก็มีโอกาสที่จะขาดทุนได้มากกว่าเช่นกันครับ มีข้อดีและข้อเสียในตัวมันเอง

ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าเลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่จะสามารถใช้งานได้กับทุกๆการลงทุนไม่ว่าจะเป็น หุ้น ,ทอง , Cryptocurrency หรือ Forex ก็ตามและแน่นอนว่ามันมีหลักการที่เหมือนๆกันขึ้นอยู่กับว่าเราจะประยุกต์ไปใช้งานกับสินทรัพย์ชนิดไหนและจะนำไปใช้กับกลยุทธ์ใดขึ้นอยู่กับความชอบและความเหมาะสมกับนักลงทุนแต่ละคนนั่นเอง


ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Leverage

ข้อดี ของเลเวอเรจ

ข้อเสีย ของเลเวอเรจ

สามารถทำกำไรได้มากขึ้น เสี่ยงต่อการขาดทุนมากขึ้น
ไม่ต้องใช้เงินลงทุนที่มาก เสี่ยงต่อผู้ที่เข้ามาเล่นแบบการพนัน
สามารถ ซื้อสินทัรพย์ได้หลายตัว ด้วยเงินทุนที่น้อยทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น ต้องวางแผนการใช้งานให้เหมาะสมกับ เลเวอเรจ เนื่องจากอันตรายต่อการขาดทุนสูง
เปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีต้นทุนต่ำ สามารถทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจ
เพื่มความยืดหยุ่นในการใช้วิธีการเทรดบางกลยุทธ์ที่จำเป็นต้องออก Lot สูง อาจจะมีความเครียดที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อผิดทางเพียงเล็กน้อย
เหมาะสำหรับสาย Overtrade หรือ Sniper  อื่นๆ เป็นต้น
สามารถช่วยเพิ่มออเดอร์การออกไม้แก้ทางได้มากขึ้น ในกรณีที่เทรดผิดทาง เป็นต้น

 


สรุป

เลเวอเรจ หรือ คานงัด เป็นเครื่องมืออีกหนึ่งตัวที่มีประโยชน์และประสิทธิภาพที่สูงมากหากผู้ใช้นั้นสามารถที่จะเข้าใจถึงหลักการและนำไปประยุกต์ใช้ให้ถูกและเหมาะสม เพราะเลเวอเรจนอกจากจะเพิ่มความสามารถในการลงทุนให้กับนักลงทุนทำกำไรได้อย่างมหาศาลแล้วยังสามารถที่จะทำให้นักลงทุนหรือเทรดเดอร์สามารถที่จะล้างพอร์ตได้เช่นกัน จึงไม่ต่างจากดาบสองคมเลย ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าให้นักลงทุนศึกษาแนวทางการใช้งานเกี่ยวกับเลเวอเรจให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ที่ใช้ในการเทรดด้วย จึงจะดีที่สุด

อ้างอิง

https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/leverage

https://www.forbes.com/advisor/investing/what-is-leverage/

https://corporatefinanceinstitute.com/resources/accounting/leverage/

https://www.bdc.ca/en/articles-tools/entrepreneur-toolkit/templates-business-guides/glossary/leverage