Flipping levels – เข้าใจและใช้ให้เป็น

Flipping levels – เข้าใจและใช้ให้เป็น

Flipping levels – เข้าใจและใช้ให้เป็น

              Support/Resistance น่าจะเป็นอีกเรื่องที่เทรดเดอร์รู้มากที่สุดน่าจะเป็นหลักการอ้างอิงการเทรดเบื้องต้น ถึงขั้นยากก็ว่าได้แล้วแต่ประยุกต์กันออกไปเข้ากับtechnical analysisแต่คำว่า แนวรับ แนวต้านทุกเทรดเดอร์น่าจะรู้จักดีและรู้ว่าจะหาโอกาสเปิดsellเมื่อราคาถึงแนวต้าน(resistance)หรือเปิดbuyเมื่อราคาลงมาถึงแนวรับ(support)รูปแบบการเทรดต่างๆเช่นPosition trading,Swing trading,Day tradingและScalp tradingต่างมีวิธีถือออเดอร์ต่างกันออกไปมีผลต่อการถือออเดอร์ที่support/resistnace levelยาวนานต่างกันออกไปทำให้มีผลต่อราคาที่เคลื่อนไปหาsupport/resistance levelนั้นๆต่างกันออกไป

        แต่ถ้าแนวรับ แนวต้านนั้นเป็นที่สนใจหลายกลุ่มการเทรดนั่นหมายถึงจำนวนออเดอร์ที่เกิดการจัดการออเดอร์ที่เกิดทั้งรูปแบบlimit ordersเพิ่มliquidityเข้าตลาดmarket orderesลด liquidity ออกจากตลาด หรือ stop orders จากพวกเทรดเดอร์ที่มีpositionsอยู่ในตลาดเมื่อราคาเปลี่ยนเปลงทิศทางเทรดของพวกเขากลายเป็นmarket ordersไปในตัวก็ทำหน้าที่เป็นmaket ordersแล้วแต่ละข้างที่พวกเขาปิดไป ถ้า support/resistance levelนั้นๆดึงดูดเทรดเดอร์จากกลุ่มเทรดต่างๆแบบนี้ได้หมดหมายความว่าจะทำให้ S/R levelนั้นๆโต้ตอบแรงและเร็วเพราะจำนวนออเดอร์ที่มากจากเทรดเดอร์ต่างๆ พวกนี้ด้วย

                ราคาไม่ได้วิ่งทางเดียวหรือขึ้นตลอดเป็นเส้นตรง ราคาวิ่งไปย่อตัวไปเพราะออเดอรทำงานอย่างไรตามกลไกตลาดเพราะมีคนได้ต้องมีคนเสีย มีการปิดกำไรมีการเปิดออดรอใหม่เข้าเทรดอีกตลอดถ้าเป็น level ที่เทรดเดอร์สนใจมากก็ยิ่งมีออเดอร์เยอะเช่น ถ้าเป็นsupport levelsแต่โดนเบรดด้วยบาร์ยาวๆจากsupport กลายเป็นresistanceตรงนี้เรียกว่าเปลี่ยนข้างหรือFlippingจึงเรียกเป็นflipping levelจากsupportกลายเป็น resistanceสิ่งที่สนใจคืออะไรเกิดขึ้นบ้างเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำไมมีค่าพอที่จะสนใจและหาโอกาสเทรด

                หลักการไม่ยากแต่ถ้ามองจากภาพคือเปลี่ยนจากแนวรับเป็นแนวต้านแต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังต่างหากที่ต้องใส่ใจก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าราคาขึ้นลงเพราะจำนวนออเดอร์ที่เกินกันระหว่าง sell  ordersและbuy orders โดยผ่านการจับคู่ที่ราคาและจำนวนเดียวกันเวลาเดียวกันถ้าจำนวนออเดอร์อีกฝั่งที่ราคาเดียวกันไม่พอออเดอร์อีกฝั่งก็จะวิ่งไปหาออเดอร์อีกฝั่งที่ราคาต่อไปเลยทำให้ราคาขึ้น-ลงlevelsต่างๆเกิดขึ้นเพราะเทรดเดอร์อยากเปิด-จัดการออเดอร์ที่พื้นที่นั้นๆ

                 แล้วแต่เงื่อนไขการวิเคราะห์และเทรดที่ต่างกันออกไปเลยทำให้พื้นที่นั้นๆเกิดการโต้ตอบจนกลายมาเป็นsupport/resistanceยิ่งถ้าlevel นั้นๆดึงดูดเทรดเดอร์หลายๆกลุ่มด้วยยิ่งมีออเดอร์เยอะถ้าเกิดlevelนั้นๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดเทรดเดอร์พวกนี้ต้องจักการออเดอร์เลยทำให้เกิดmarket ordersถ้ายิ่งเป็นจุดที่เห็นชัดในtimeframeใหญ่ๆยิ่งดันให้เกิดmarket ordersต่อเนื่องได้เพราะtrapped tradersเยอะเลยทำให้flipping levels ทำงานดีและยิ่งมาจากtimeframeใหญ่ก็ยิ่งจะต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

                ตัวอย่างด้านบนนี้flipping levelเห็นชัดในW1 D1 และ H4กลุ่มเทรดเดอร์จากposition trading, swing traging,day tradingและscalp tradingต่างเห็นจุดนี้หมดถ้าดูโครงสร้างการวิ่งในH4อาจมาแรงเพราะมีการย่อตัวแท่งเทียนในพื้นที่ทับกันเยอะแต่ที่ต้องการให้เข้าใจคือเมื่อlevelsนั้นๆมองผ่านหลายกลุ่มเทรดเดอร์ได้ชัดดึงออเดอร์เข้าเยอะแต่การปิดเช่นถ้าติดลบจากกลุ่มtrapped tradersเงื่อนไขการออกจากตลาดต่างกันออกไปตามทุนและวิธีการเทรดแต่ที่เห็นชัดๆคือความต่อเนื่องsell market ordersที่เกิดจากกลุ่มพวกนี้ออกจากตลาดและพอเวลาผ่านไปเทรดเดอร์ที่timeframeย่อยลงมาก็จะเห็นโอกาสใหม่เกิดขึ้นก็จะหันมาเปิดsell ordersเพิ่มเป็นหลัก

                ตัวอย่างที่ 2 ที่เลข 1 เป็น flipping levels จาก suport กลายเป็น resistance จาก W1 และ D1 ท่านจะเห็นจุด level เนื่องจากเห็นชัดจาก timeframes ใหญ่แสดงว่ามีเกือบทุกกลุ่มเทรดเดอร์สนใจ position trading swing trading day trading และ scalp traing เนื่องจากชาร์ตเปิดที่ w1 ใหญ่สุด กลุ่มที่เห็นชัดน่าจะเริ่มที่ swing traders ดูจากชาร์ต w1 จุด A คือจุดอ้างอิง swing high และราคาลงมาทำ swing low ที่ B ได้ แต่หลังจากราคาทำ swing low เด้งกลับไปรอบแรกไม่สามารถทำ swing high ใหม่ได้ แถมราคามาทำ swing low ใหม่ที่ต่ำกว่าเดิมอีก กลุ่มเทรดแบบ swing trading ตระหนักดีว่ามีแรงต้านจากด้านพื้นที่ A ถ้าราคาลงมาและต่ำกว่าจุด C อีกรอบข้อมูลจะเปลี่ยน – พวก swing traders ที่เปิดเทรด จุด B และ จุด C ก็จะติดลบ  เพราะมีพวก swing อีกกลุ่มที่เปิด sell postions ที่พื้นที่ A ก็จะถือรอเพื่อจะใช้ประโยชน์จากพวกที่ติดลบตอนออกจากตลาด – ขณะเดียวกัน Day trading ก็เป็น flipping levels ชัดและมีการเทส ดูชาร์ต D1 ก็เริ่ม หาโอกาส sell เป็นหลัก หรือแต่พวกเทรด scalp trading เวลาเทรดก็จะหา major trend/movement แล้วค่อย scalp ให้สัมพันธ์กับทางนั้นเป็นหลัก ก็จะหันมา scalp ทางลงเป็นหลัก

                จาก 2 ตัวอย่างและอธิบายด้วยตลาด ออเดอร์และเทรดเดอร์ จะพบว่ายิ่งเป็น support/resistance levels ที่กลายมาเป็น flipping levels ยิ่งจะทำให้ levels นั้นๆ ทำงานดี เพราะเป็นจุดที่เทรดเดอร์หลายๆ กลุ่มเห็น และเป็นจุดอ้างที่เทรดเดอร์หลายๆ กลุ่มเทรดมา โดยเฉพาะพวก Swing Trading และ Day trading ยังมี positions ที่อยู่ในตลาดเยอะ ถ้าจุดที่กลายเป็น flipping levels และมีการกลับมาเทสไม่นานไปก็เลยทำให้การกลับมาเทสทำงานดี เพราะ trapped traders สะสมจากกลุ่มเทรดเดอร์ต่างๆ และพวกเทสรายย่อยลงมา เช่น Day trading, scalp trading ก็จะถือข้อมูลใหม่นี้เป็นตัวนำ ก็จะหาความเป็นไปได้เพื่อจะเปิดออเดอร์ไปทางนั้นเป็นหลักเลยทำให้ flipping levels ทำงานค่อนข้างจะดี

ทีมงาน : www.thaiforexbroker.com