ADP National Employment Report คืออะไร?

ADP National Employment Report คืออะไร?

ADP National Employment Report คือ เครื่องมือวัดชีพจรเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นการรายงานการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐอเมริกา

เคยสงสัยไหม ว่าทำไมนักเทรดถึงให้ความสำคัญกับตัวเลข ADP มากนักหนา?” เพราะจริงๆ แล้ว ADP ไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดาๆ เลยค่ะ แต่เป็นเหมือน ‘กระจกวิเศษ’ ที่สะท้อนให้เห็นสุขภาพของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้อย่างชัดเจน

โดยรายงานนี้จัดทำโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ADP ที่เก็บข้อมูลจากบริษัทกว่า 460,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งน่าตื่นเต้นมากๆ เพราะออกมาก่อนตัวเลขการจ้างงานทางการถึง 2 วันเลยนะคะ ที่สำคัญ รายงานนี้ยังเป็นเหมือน ‘ไพ่ทาโรต์’ ที่ช่วยให้นักลงทุนทำนายทิศทางเศรษฐกิจได้ล่วงหน้าเลย รายงานนี้จะช่วยให้วางแผนการเทรดได้แม่นยำขึ้นอย่างแน่นอน

ADP National Employment Report

ADP National Employment Report แบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้

ส่วนที่ 1 คือ ADP (Automatic Data Processing)

  • ADP คือชื่อบริษัท Automatic Data Processing ที่เป็นผู้จัดทำรายงานนี้เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านระบบจ่ายเงินเดือนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีข้อมูลความน่าเชื่อถือสูง
  • Automatic Data Processing หรือ ADP เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้บริการด้านระบบจ่ายเงินเดือนอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
  • มีประสบการณ์กว่า 60 ปี
  • มีการดูแลระบบจ่ายเงินเดือนให้กับกว่า 460,000 บริษัท ครอบคลุมพนักงานมากกว่า 26 ล้านคน
  • ข้อมูลของ ADP มีความน่าเชื่อถือสูงและได้รับการยอมรับจากนักลงทุนและสถาบันการเงินทั่วโลก

ส่วนที่ 2 คือ Non-Farm (นอกภาคเกษตร)

  • Non-Farm หมายถึง “นอกภาคเกษตร” ไม่รวมการจ้างงานในภาคเกษตร
  • เนื่องจากมีความผันผวนตามฤดูกาล การเน้นเฉพาะภาคเอกชนทำให้เห็นพลวัตของตลาดและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่แท้จริง

ส่วนที่ 3 คือ Employment Change (การเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน)

  • Employment Change หมายถึง “การเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน” จะแสดงตัวเลขการเพิ่ม/ลดของการจ้างงานเทียบกับเดือนก่อน
  • มีการปรับค่าตามฤดูกาลเพื่อให้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจน
  • ช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้นนั้นเอง

ความเป็นมา

ADP National Employment Report เป็นรายงานสำคัญที่จัดทำโดยบริษัท Automatic Data Processing (ADP) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและระบบจ่ายเงินเดือนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยรายงานนี้ได้เริ่มจัดทำขึ้นตั้งแต่ปี 2006 ด้วยความร่วมมือกับ Moody’s Analytics ในการวิเคราะห์ข้อมูล

ทั้งนี้ ADP มีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมบริษัทเอกชนกว่า 460,000 แห่งทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และดูแลระบบการจ่ายเงินเดือนให้พนักงานมากกว่า 26 ล้านคน ซึ่งนับเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดี

  • ในการจัดทำรายงาน ADP ยังได้แบ่งการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็นหลายมิติ โดยเฉพาะการแยกตามขนาดของธุรกิจ
  • ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงาน 1-49 คน
  • ธุรกิจขนาดกลางที่มีพนักงาน 50-499 คน
  • ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพนักงานตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป
  • สิ่งที่น่าสนใจคือ รายงาน ADP จะถูกเผยแพร่ในทุกวันพุธแรกของเดือน ซึ่งเร็วกว่าการประกาศตัวเลขการจ้างงานทางการของรัฐบาล (Non-Farm Payrolls) อยู่ 2 วัน
  • จึงทำให้รายงานนี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ใช้ในการคาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานทางการที่กำลังจะประกาศตามมา
  • ควรตระหนักว่ารายงาน ADP มีข้อจำกัดบางอย่าง เนื่องจากครอบคลุมเฉพาะข้อมูลจากบริษัทที่เป็นลูกค้าของ ADP เท่านั้น
  • รายงานนี้ก็ยังคงมีประโยชน์อย่างมากในแง่ของการเป็นตัวชี้นำทิศทางตลาดแรงงานและสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ
  • ดังนั้น การติดตามและทำความเข้าใจรายงานนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในการลงทุน

ทำความรู้จักกับ ADP เชิงลึก

การรวบรวมข้อมูลนี้ใช้ระบบอัตโนมัติในการประมวลผลจากฐานข้อมูลการจ่ายเงินเดือนจริง ทำให้มีความแม่นยำสูงและสามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย ADP จะทำการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานในแต่ละเดือน เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า และทำการปรับค่าตามฤดูกาลเพื่อให้เห็นแนวโน้มที่แท้จริง

  • ข้อมูลที่ถูกรวบรวมนี้ครอบคลุมการจ้างงานในภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐฯ ในทุกอุตสาหกรรม
    • ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต การบริการ การก่อสร้าง การเงิน เทคโนโลยี และอื่นๆ
  • ในส่วนของการครอบคลุมการจ้างงานในภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐฯ นั้น
    • ข้อมูลจะรวมถึงทุกอุตสาหกรรมหลัก
  • โดยมีการแยกวิเคราะห์ตามขนาดของธุรกิจ
    • ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
    • ซึ่งครอบคลุมประมาณ 20% ของการจ้างงานภาคเอกชนทั้งหมดในสหรัฐฯ
    • ทำให้สามารถสะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานได้อย่างครอบคลุม
  • รายงานนี้จะไม่รวมการจ้างงานในภาคการเกษตร
    • เนื่องจากลักษณะการจ้างงานในภาคเกษตรมีความพิเศษและแตกต่างจากภาคอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ
  • การจ้างงานในภาคเกษตรมักมีความผันผวนสูงตามฤดูกาล
    • มีรูปแบบการจ้างงานที่ไม่เป็นทางการ
    • มีการจ้างงานชั่วคราวตามฤดูเก็บเกี่ยว
    • มักมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก
  • หากนำมารวมในรายงานอาจทำให้ภาพรวมของตลาดแรงงานบิดเบือนและไม่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง
  • การไม่รวมภาคเกษตรจึงช่วยให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและแม่นยำมากขึ้นในการใช้เป็นตัวชี้วัดทิศทางเศรษฐกิจ

ลักษณะสำคัญของรายงาน ADP National Employment Report

1. การจัดทำรายงาน

  • มีการประกาศทุกวันพุธแรกของเดือน เวลา 20:15 น. (ตามเวลาไทย)
  • แสดงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานจากเดือนก่อนหน้า
  • เป็นรายงานที่ออกก่อนตัวเลขการจ้างงานทางการของรัฐบาล (Non-Farm Payrolls) 2 วัน

2. การแบ่งประเภทข้อมูล

รายงานแบ่งการจ้างงานตามขนาดของธุรกิจ:

  • ธุรกิจขนาดเล็ก: มีพนักงานน้อยกว่า 50 คน
  • ธุรกิจขนาดกลาง: มีพนักงาน 50-499 คน
  • ธุรกิจขนาดใหญ่: มีพนักงานมากกว่า 500 คนขึ้นไป

3. การนำไปใช้

การนำรายงาน ADP ไปใช้

กลุ่มนักลงทุน

  • วางแผนการลงทุนหุ้น/Forex/ทองคำ
    • วางกลยุทธ์การเทรด Forex ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
    • ปรับพอร์ตการลงทุนตามแนวโน้มเศรษฐกิจ
    • กำหนดจังหวะเข้า-ออกตำแหน่งในสินทรัพย์ต่างๆ
    • วางแผนการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศ
    • ประเมินโอกาสทำกำไรจากการเทรดทั้งระยะสั้นและระยะกลาง
    • คาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาพันธบัตร
    • วางแผนการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
    • ปรับกลยุทธ์การลงทุนในทองคำและสินทรัพย์ปลอดภัย
  • จับจังหวะการเทรดระยะสั้น
    • คาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในวันประกาศ NFP
    • วิเคราะห์ทิศทางค่าเงินดอลลาร์และผลกระทบต่อคู่เงินหลัก
    • ประเมินความเสี่ยงในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ
    • ติดตามการไหลเวียนของเงินทุนระหว่างประเทศ
    • เตรียมพร้อมรับมือความผันผวนในช่วงประกาศตัวเลข

กลุ่มภาคธุรกิจ

  • วางแผนจ้างงาน/ต้นทุน
    • วางแผนการขยายหรือลดกำลังการผลิตตามสภาวะตลาด
    • ประเมินต้นทุนด้านแรงงานในระยะยาว
    • วางแผนงบประมาณบุคลากรประจำปี
    • ปรับโครงสร้างองค์กรตามแนวโน้มตลาดแรงงาน
    • วางแผนการจ้างงานตามฤดูกาลและความต้องการ
    • ประเมินผลตอบแทนและสวัสดิการให้แข่งขันได้
  • ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ
    • คาดการณ์แนวโน้มตลาดและความต้องการสินค้า
    • ปรับกลยุทธ์ตามสภาวะแรงงานและเศรษฐกิจ
    • วางแผนการผลิตและการจัดจำหน่าย
    • ประเมินความสามารถในการแข่งขัน
    • ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
    • วางแผนการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม

กลุ่มธนาคารกลาง

  • ตัดสินใจปรับดอกเบี้ย
    • ประเมินความเหมาะสมของอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน
    • กำหนดทิศทางนโยบายการเงินระยะสั้นและระยะยาว
    • วิเคราะห์ผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน
    • ประเมินความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
    • พิจารณาความสมดุลระหว่างการเติบโตและเสถียรภาพ
    • ติดตามผลกระทบของนโยบายต่อตลาดแรงงาน
  • กำหนดนโยบายการเงิน
    • ประเมินความจำเป็นในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
    • สะท้อนประสิทธิผลของนโยบายการเงินที่ผ่านมา
    • กำหนดเป้าหมายการจ้างงานและเงินเฟ้อ
    • วางแผนการสื่อสารนโยบายต่อสาธารณะ
    • ประสานงานกับนโยบายการคลัง
    • รักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน

กลุ่มนักวิเคราะห์

  • วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ
    • สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
    • ชี้วัดสุขภาพตลาดแรงงานและแนวโน้มการจ้างงาน
    • ประเมินกำลังซื้อผู้บริโภคและการบริโภคภาคเอกชน
    • วิเคราะห์ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ
    • ประเมินประสิทธิภาพของนโยบายเศรษฐกิจ
    • คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • คาดการณ์ทิศทางตลาด
    • ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดเงินและตลาดทุน
    • วิเคราะห์ผลกระทบต่อสินทรัพย์ประเภทต่างๆ
    • ประเมินความเชื่อมั่นนักลงทุนและการไหลเวียนของเงินทุน
    • วิเคราะห์ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก
    • ติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
    • ประเมินผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ

ข้อมูล ADP มีความสำคัญอย่างมากต่อทุกภาคส่วน และการเข้าใจการนำไปใช้ของแต่ละกลุ่มจะช่วยให้เราวางแผนการลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ


ตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานโดยรวม

  • เมื่อคุณเปิดรายงาน ADP สิ่งแรกที่จะเห็นคือตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน
    • เช่น +200,000 หรือ -150,000 ตำแหน่ง
    • ตัวเลขนี้เปรียบเสมือน “อุณหภูมิร่างกาย” ของตลาดแรงงาน
  • หากเห็นเครื่องหมายบวก (+) แสดงว่าเศรษฐกิจกำลังสร้างงานใหม่
    • เช่น ถ้าตัวเลขแสดง +200,000 หมายความว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
    • เป็นสัญญาณที่ดี บ่งบอกว่าบริษัทต่างๆ มีความเชื่อมั่นพอที่จะขยายธุรกิจและจ้างพนักงานเพิ่ม
  • ในทางตรงกันข้าม หากเห็นเครื่องหมายลบ (-)
    • เช่น -150,000 นั่นหมายถึงมีการสูญเสียงานไป 150,000 ตำแหน่ง
    • อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่าย หรือเศรษฐกิจอาจกำลังชะลอตัว

ยกตัวอย่าง 5 เหตุการณ์ที่ส่งผลรุนแรงต่อตัวเลข ADP

เหตุการณ์ที่ส่งผลรุนแรงต่อตัวเลข ADP

5 วิกฤตที่ทำให้ตัวเลข ADP สะเทือน

  1. วิกฤตโควิด-19 (2020) – สูญเสีย 27 ล้านตำแหน่ง
    • การปิดเมืองทั่วโลกกระทบธุรกิจทุกภาคส่วน
    • เกิดการ Work From Home ครั้งใหญ่
    • ธุรกิจบริการและท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรง
    • เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล
  2. วิกฤตการเงิน (2008) – สูญเสีย 631,000 ตำแหน่ง
    • ตลาดอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินล่ม
    • เกิดการเลิกจ้างงานครั้งใหญ่ในภาคการเงิน
    • รัฐต้องอัดฉีดเงินช่วยเหลือมหาศาล
    • ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
  3. วิกฤต Dot-com (2001) – สูญเสีย 325,000 ตำแหน่ง
    • ฟองสบู่เทคโนโลยีแตก
    • บริษัทดอทคอมล้มละลายจำนวนมาก
    • เกิดการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    • นักลงทุนสูญเงินมหาศาล
  4. Black Monday (1987) – สูญเสีย 312,000 ตำแหน่ง
    • ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงรุนแรง
    • ความเชื่อมั่นนักลงทุนหายไป
    • ภาคธุรกิจชะลอการจ้างงาน
    • เกิดการปฏิรูประบบการเงิน
  5. โควิดระลอก2 (2021) – สูญเสีย 203,000 ตำแหน่ง
    • ธุรกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
    • เกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    • แรงงานเปลี่ยนอาชีพครั้งใหญ่
    • เร่งให้เกิดการปรับตัวทางธุรกิจ

ผลกระทบลูกโซ่จากการลดการจ้างงาน

ผลกระทบลูกโซ่จากการลดการจ้างงาน

แต่ละเหตุการณ์ส่งผลให้

  • คนตกงานจำนวนมาก
  • เศรษฐกิจถดถอยรุนแรง
  • ต้องใช้มาตรการฉุกเฉิน
  • เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
  • ใช้เวลาฟื้นตัวนาน

สิ่งที่น่าสนใจ

  • แต่ละวิกฤตมีรูปแบบการฟื้นตัวต่างกัน
  • มาตรการรับมือของรัฐบาลพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
  • เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัว
  • ตลาดแรงงานต้องปรับตัวครั้งใหญ่ทุกครั้ง

วันและเวลาประกาศ รายงานการจ้างงานแห่งชาติ เอดีพี

วันและเวลาประกาศ รายงาน ADP

  • วัน: ประกาศทุกวันพุธแรกของเดือน
  • เวลา: 20:15 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
  • วันก่อน NFP: ออกก่อนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) 2 วัน

ความสำคัญของช่วงเวลา

รายงาน ADP มักถูกจับตามองเป็นพิเศษเพราะเป็นตัวชี้นำก่อนการประกาศตัวเลข NFP ในวันศุกร์ ตัวอย่างเช่น

  • วันพุธที่ 3 มกราคม 2024 – ประกาศ ADP
  • วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2024 – ประกาศ NFP

ลำดับเหตุการณ์ในวันประกาศ

  1. ช่วงก่อนประกาศ (18:00-20:00 น.)
    • ตลาดเริ่มมีความผันผวน
    • นักลงทุนเตรียมรับข้อมูล
    • ปริมาณการซื้อขายเริ่มเบาบาง
  2. ช่วงประกาศ (20:15 น.)
    • ข้อมูลถูกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ ADP
    • ตลาดมีการตอบสนองทันที
    • ความผันผวนสูงในช่วง 5-15 นาทีแรก
  3. ช่วงหลังประกาศ (20:30-22:00 น.)
    • นักวิเคราะห์เริ่มออกความเห็น
    • ตลาดเริ่มปรับตัวตามข้อมูล
    • ปริมาณการซื้อขายกลับมาปกติ

ข้อควรระวังในวันประกาศ

  1. สำหรับนักลงทุน:
    • ควรเตรียมพร้อมก่อนเวลาประกาศอย่างน้อย 30 นาที
    • ระวังความผันผวนสูงในช่วงแรก
    • ไม่ควรรีบร้อนตัดสินใจซื้อขายทันที
  2. สำหรับนักเทรดระยะสั้น:
    • ควรตั้ง Stop Loss ให้กว้างกว่าปกติ
    • อาจหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงประกาศ
    • รอให้ตลาดนิ่งก่อนเข้าเทรดใหม่

แหล่งติดตามข้อมูล

  1. แหล่งข้อมูลหลัก:
    • เว็บไซต์ ADP โดยตรง
    • Bloomberg Terminal
    • Reuters
  2. แหล่งข้อมูลรอง:
    • Forex Factory
    • Investing.com
    • Trading Economics

เกร็ดความรู้สำหรับการติดตาม

  1. ควรติดตามตัวเลขคาดการณ์ล่วงหน้า
  2. เตรียมดูข้อมูลย้อนหลัง 3-6 เดือน
  3. สังเกตการปรับแก้ตัวเลขเดือนก่อนหน้า
  4. เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การติดตามรายงาน ADP อย่างเป็นระบบจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 2 วันก่อนการประกาศตัวเลข NFP ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ตลาดการเงินทั่วโลกจับตามอง


การคำนวณและวิธีการเก็บข้อมูล ADP National Employment Report ในการเทรด Forex

วิธีคำนวณและวิธีการเก็บข้อมูล ADP

ADP รวบรวมข้อมูลจากฐานลูกค้าบริษัทกว่า 460,000 แห่งทั่วประเทศสหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมพนักงานมากกว่า 26 ล้านคน โดยใช้ระบบการจ่ายเงินเดือนเป็นฐานข้อมูลหลัก ทำให้ข้อมูลมีความแม่นยำสูงเพราะเป็นตัวเลขจริงจากการจ่ายเงินเดือน

การคำนวณตัวเลขการจ้างงาน

  • การคำนวณจะดูจากการเปลี่ยนแปลงสุทธิของการจ้างงาน
  • เช่น ถ้าบริษัทหนึ่งมีพนักงาน 100 คนในเดือนก่อน แล้วเดือนนี้รับพนักงานเพิ่ม 5 คน แต่มีคนลาออก 2 คน การเปลี่ยนแปลงสุทธิจะเท่ากับ +3 คน
  • ADP จะรวบรวมตัวเลขเหล่านี้จากทุกบริษัทในเครือข่าย

การปรับค่าตามฤดูกาล

  • ตัวเลขจะถูกปรับตามฤดูกาล เช่น ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส มักมีการจ้างงานชั่วคราวเพิ่มขึ้นมาก
  • ADP จะหักค่าเฉลี่ยการจ้างงานช่วงเทศกาลออก เพื่อให้เห็นแนวโน้มที่แท้จริง

การนำไปใช้ในการเทรด Forex

ก่อนประกาศ:

  • ตลาดมักจะเงียบและมีความผันผวนน้อย
  • Spread จะกว้างขึ้น 2-3 เท่า
  • นักเทรดควรระวังการเปิดออเดอร์ใหม่

ระหว่างประกาศ:

  • ตลาดจะมีความผันผวนสูงมากใน 5-15 นาทีแรก
  • ราคาอาจเคลื่อนที่รุนแรง 50-100 pips ในไม่กี่วินาที
  • ควรตั้ง Stop Loss กว้างกว่าปกติ

หลังประกาศ:

  • ตลาดจะเริ่มนิ่งขึ้นหลังผ่านไป 30 นาที
  • นักวิเคราะห์จะเริ่มออกบทวิเคราะห์ผลกระทบ
  • เป็นช่วงที่เหมาะกับการเข้าเทรดมากกว่า

ตัวอย่างการเคลื่อนไหวของตลาด

ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนมีนาคม 2023:

  • ตลาดคาดการณ์: +200,000 ตำแหน่ง
  • ตัวเลขจริง: +145,000 ตำแหน่ง (แย่กว่าคาด)
  • EUR/USD เคลื่อนไหวดังนี้:
    • ก่อนประกาศอยู่ที่ 1.0900
    • หลังประกาศพุ่งขึ้นไปที่ 1.0950
    • หลังผ่านไป 1 ชั่วโมงขึ้นไปถึง 1.0970

กลยุทธ์การเทรด

เมื่อตัวเลขออกมาแย่กว่าคาด

  • ดอลลาร์มักจะอ่อนค่า
  • อาจเปิดสถานะ Buy EUR/USD
  • ควรตั้ง Stop Loss ประมาณ 30-50 pips
  • Take Profit ควรตั้งที่ 2-3 เท่าของ Stop Loss

เมื่อตัวเลขดีกว่าคาด

  • ดอลลาร์มักจะแข็งค่า
  • อาจเปิดสถานะ Sell EUR/USD
  • ใช้หลักการ Stop Loss และ Take Profit เช่นเดียวกัน

การจัดการความเสี่ยง

  • ไม่ควรใช้เงินลงทุนเกิน 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
  • ควรรอให้ตลาดนิ่งก่อนเข้าเทรด
  • อาจใช้การเปิดออเดอร์หลายๆ ล็อตเพื่อทยอยปิดกำไร
  • ควรมีแผนสำรองหากตลาดไม่เป็นไปตามคาด

การเปรียบเทียบระหว่าง ADP National Employment Report กับ Nonfarm Payrolls

เปรียบเทียบระหว่าง ADP Report กับ Nonfarm Payrolls

จากกราฟจะเห็นว่า

  • มีความผันผวนรุนแรงในช่วงวิกฤต COVID-19 (2020)
  • หลังจากนั้นเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
  • แนวโน้มปัจจุบันของทั้ง ADP และ NFP เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

มีประเด็นสำคัญดังนี้

1. ความแตกต่างของข้อมูล:

  • USEC (ADP) = ADP National Employment Report ( +102.61%)
  • USNFP = Nonfarm Payrolls (-94.42% ซึ่งมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก)
  • 🔵 USEC (US Employment Change)
    • คือ สัญลักษณ์ของรายงาน ADP National Employment Report
    • เป็นรายงานการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ
    • เป็นรายงานการจ้างงานภาคเอกชนที่จัดทำโดยบริษัท ADP
    • วัดเฉพาะการจ้างงานในภาคเอกชน
    • เก็บข้อมูลจากฐานลูกค้าของ ADP ประมาณ 460,000 บริษัท
    • ประกาศทุกวันพุธแรกของเดือน เวลา 20:15 น. (ไทย)
    • เป็นตัวชี้นำก่อน NFP 2 วัน

USEC (US Employment Change)

  • 🔴 USNFP (US Non-Farm Payrolls)
    • คือ สัญลักษณ์ของรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
    • เป็นรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
    • ครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชน
    • เก็บข้อมูลจากการสำรวจครัวเรือนและนายจ้างทั่วประเทศ
    • ถือเป็นตัวเลขทางการที่นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า
    • เป็นตัวเลขทางการจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
    • ประกาศทุกวันศุกร์แรกของเดือน เวลา 20:30 น. (ไทย)
    • รวมข้อมูลทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ (ยกเว้นภาคเกษตร)

USNFP (US Non-Farm Payrolls)

2. ทำไมตัวเลขถึงต่างกัน?

  • เนื่องจากมีวิธีการเก็บข้อมูลต่างกัน มีกลุ่มตัวอย่างไม่เหมือนกัน
  • ADP ไม่นับรวมภาครัฐ
  • ช่วงเวลาการเก็บข้อมูลอาจต่างกัน

ข้อแตกต่างที่สำคัญ

  • USEC (ADP) ดูเฉพาะภาคเอกชน
  • USNFP ดูทั้งภาครัฐและเอกชน
  • USEC ประกาศก่อน USNFP 2 วัน
  • USNFP มีผลต่อตลาดมากกว่า เพราะเป็นตัวเลขทางการ

การนำไปใช้

  • นักเทรดมักใช้ USEC เป็นตัวคาดการณ์ USNFP
  • ถ้าทั้งสองตัวออกมาทิศทางเดียวกัน = สัญญาณชัดเจน
  • ถ้าขัดแย้งกัน = ต้องระวังในการเทรด
  1. ผลกระทบต่อตลาด:
  • NFP มีผลต่อตลาดมากกว่าเพราะเป็นตัวเลขทางการ
  • นักลงทุนมักใช้ ADP เป็นตัวคาดการณ์ NFP
  • หากตัวเลขทั้งสองต่างกันมาก อาจทำให้ตลาดผันผวน

เจาะลึกจำลองเพื่อเน้นจุดสำคัญ ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น

  1. ช่วงก่อน COVID-19 (2017-2019)
    • ตลาดแรงงานมีเสถียรภาพสูง
    • ADP และ NFP มีความสอดคล้องกัน
    • การเติบโตของการจ้างงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
  2. ช่วงวิกฤต COVID-19 (2020)
    • เกิดการดิ่งลงอย่างรุนแรงของทั้ง ADP และ NFP
    • ADP ลดลง -102.61%
    • NFP ลดลง -94.42%
    • สะท้อนผลกระทบรุนแรงต่อตลาดแรงงาน
  3. ช่วงฟื้นตัว (2021-ปัจจุบัน)
    • การฟื้นตัวแบบ V-Shape ที่รวดเร็ว
    • ความผันผวนลดลงอย่างต่อเนื่อง
    • ทั้ง ADP และ NFP เริ่มมีความสอดคล้องกันมากขึ้น
  4. แนวโน้มปัจจุบัน
    • ตลาดแรงงานกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
    • ความแตกต่างระหว่าง ADP และ NFP ลดลง
    • สะท้อนการฟื้นตัวที่มั่นคงของเศรษฐกิจ
  5. สิ่งที่น่าสังเกต
    • ADP มักจะมีความผันผวนมากกว่า NFP
    • ช่วงวิกฤตเห็นความแตกต่างชัดเจนที่สุด

ถึงแม้ตัวเลขจะต่างกัน แต่ทั้ง ADP และ NFP ต่างก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้ดีขึ้น


ข้อดีข้อเสีย ADP National Employment Report

ข้อดีข้อเสีย ADP

ข้อดี

  • เป็นตัวชี้นำตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก่อนประกาศตัวเลขทางการ 2 วัน
  • ครอบคลุมข้อมูลบริษัทเอกชนขนาดใหญ่กว่า 460,000 แห่ง
  • ดูแลข้อมูลพนักงานมากกว่า 26 ล้านคนทั่วประเทศ
  • แบ่งข้อมูลตามขนาดธุรกิจทำให้เห็นภาพชัดเจน (เล็ก/กลาง/ใหญ่)
  • แยกตามภาคอุตสาหกรรมทำให้วิเคราะห์เชิงลึกได้
  • ใช้ระบบอัตโนมัติในการเก็บข้อมูลทำให้แม่นยำ
  • มีความน่าเชื่อถือสูงเพราะเป็นข้อมูลจริงจากระบบจ่ายเงินเดือน
  • ประกาศสม่ำเสมอทุกวันพุธแรกของเดือน
  • นักลงทุนใช้คาดการณ์ทิศทางตลาดได้ล่วงหน้า
  • ช่วยให้เห็นแนวโน้มการจ้างงานในระยะยาว
  • สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาพรวม
  • เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์การลงทุน
  • ช่วยคาดการณ์นโยบายการเงินของ Fed
  • มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์
  • ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานได้รวดเร็ว
  • ช่วยในการวางแผนธุรกิจและการลงทุน
  • เป็นข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย
  • มีการวิเคราะห์และอธิบายตัวเลขอย่างละเอียด
  • เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
  • มีความต่อเนื่องและน่าเชื่อถือมายาวนาน

ข้อเสีย

  • ครอบคลุมเฉพาะบริษัทที่เป็นลูกค้า ADP เท่านั้น
  • ไม่รวมข้อมูลการจ้างงานภาครัฐ
  • ไม่รวมภาคเกษตรทำให้ภาพไม่สมบูรณ์
  • อาจคลาดเคลื่อนจากตัวเลขทางการค่อนข้างมาก
  • มีการปรับแก้ตัวเลขย้อนหลังบ่อยครั้ง
  • อาจไม่สะท้อนภาพรวมทั้งประเทศ 100%
  • ขึ้นอยู่กับความสมัครใจในการให้ข้อมูลของบริษัท
  • ข้อมูลบางส่วนอาจไม่เป็นปัจจุบัน
  • การตีความตัวเลขต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง
  • อาจสร้างความผันผวนให้ตลาดหากคลาดเคลื่อนมาก
  • ไม่ได้แยกประเภทการจ้างงานอย่างละเอียด
  • ข้อมูลบางส่วนอาจมีอคติจากการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
  • อาจถูกใช้ในทางที่ผิดเพื่อสร้างความผันผวน
  • ไม่ได้รวมแรงงานนอกระบบ
  • ปรับตัวช้าต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแรงงาน
  • อาจมีความล่าช้าในการรวบรวมข้อมูล
  • ไม่สะท้อนคุณภาพของการจ้างงาน
  • ไม่ได้แสดงรายละเอียดด้านค่าจ้าง
  • อาจมีข้อจำกัดด้านความครอบคลุมทางภูมิศาสตร์
  • ขาดข้อมูลเชิงคุณภาพประกอบการวิเคราะห์

ผลกระทบของรายงาน ADP ต่อตลาดการเงิน: ก่อน ระหว่าง และหลังประกาศ

ผลกระทบของรายงาน ADP National Employment Report ต่อตลาดการเงินนั้นเริ่มตั้งแต่ก่อนวันประกาศ โดยในช่วง 1-2 วันก่อนการประกาศ ตลาดจะเริ่มมีความเคลื่อนไหว นักลงทุนส่วนใหญ่จะเริ่มระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น หลายคนอาจลดขนาดการลงทุนลงหรือปิดสถานะบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง ปริมาณการซื้อขายในตลาดจะเริ่มเบาบางลง เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการรอดูตัวเลขก่อนตัดสินใจ

ผลกระทบของรายงาน ADP

ในช่วงนี้ นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินต่างๆ จะเริ่มออกบทวิเคราะห์และคาดการณ์ตัวเลขที่จะประกาศ นักลงทุนมืออาชีพจะใช้เวลาในการศึกษาตัวเลขย้อนหลัง 3-6 เดือน เพื่อดูแนวโน้มและเตรียมกลยุทธ์สำหรับหลายสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น บางคนอาจตั้งการแจ้งเตือน (Alert) เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างใกล้ชิด

พอมาถึงวันประกาศ ซึ่งจะเป็นวันพุธแรกของทุกเดือน ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงก่อนเวลาประกาศ (20:15 น. ตามเวลาไทย) ตลาดมักจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่รอดูตัวเลขก่อนตัดสินใจ สภาพคล่องในตลาดจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย (Spread) อาจกว้างขึ้นกว่าปกติ

ช่วงเวลาสำคัญที่สุด คือ ตอนประกาศตัวเลข (20:15 น.) ตลาดจะมีความผันผวนสูงมากในช่วง 5-15 นาทีแรกหลังประกาศ โดยเฉพาะถ้าตัวเลขที่ประกาศออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินดอลลาร์ ทองคำ หรือดัชนีหุ้น อาจเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

หลังจากการประกาศประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ตลาดจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ นักวิเคราะห์จะเริ่มออกบทวิเคราะห์เชิงลึกถึงผลกระทบของตัวเลขที่ประกาศ และนักลงทุนจะเริ่มปรับกลยุทธ์การลงทุนตามข้อมูลใหม่ที่ได้รับ ผลกระทบของตัวเลข ADP จะส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ในวันศุกร์

สรุปข้อมูลให้เข้าใจง่ายๆ

ช่วงก่อนประกาศ (1-2 วันก่อนหน้า)

  • นักลงทุนเริ่มระมัดระวังและลดขนาดการลงทุนลง
  • ปริมาณการซื้อขายในตลาดเบาบางลง
  • นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินออกบทวิเคราะห์คาดการณ์
  • นักลงทุนมืออาชีพศึกษาข้อมูลย้อนหลัง 3-6 เดือน
  • มีการตั้งการแจ้งเตือนเพื่อติดตามตลาด

ช่วงวันประกาศ (วันพุธแรกของเดือน)

  • ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ช่วงเช้าถึงก่อนประกาศ
  • สภาพคล่องในตลาดลดลงชัดเจน
  • Spread (ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย) กว้างขึ้นกว่าปกติ
  • ความผันผวนสูงมากในช่วง 5-15 นาทีแรกหลังประกาศ
  • ราคาสินทรัพย์อาจเคลื่อนไหวรุนแรงหากตัวเลขต่างจากคาด

ช่วงหลังประกาศ (30 นาที – 1 ชั่วโมง)

  • ตลาดเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ
  • นักวิเคราะห์ออกบทวิเคราะห์เชิงลึก
  • นักลงทุนปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลใหม่
  • ผลกระทบต่อเนื่องจนถึงประกาศ NFP วันศุกร์
  • มีการวิเคราะห์การกระจายตัวของการจ้างงานแต่ละภาคส่วน

ผลกระทบต่อตลาดต่างๆ

  • Forex: คู่เงิน EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD เคลื่อนไหวชัดเจน
  • ทองคำ: ราคามักปรับลงเมื่อตัวเลขออกมาดี
  • หุ้น: S&P 500 และ Dow Jones ตอบสนองต่อตัวเลขการจ้างงาน
  • พันธบัตร: อัตราผลตอบแทนปรับตัวตามตัวเลขที่ประกาศ
  • หุ้นรายกลุ่ม: แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมตอบสนองต่างกัน

ผลต่อนโยบายและการตัดสินใจ

  • Fed ใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงิน
  • ผู้ประกอบการใช้วางแผนธุรกิจและการลงทุน
  • นักลงทุนปรับกลยุทธ์การลงทุนระยะกลางถึงยาว
  • มีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
  • กระทบการวางแผนธุรกิจส่งออก-นำเข้า

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากการประกาศตัวเลข ADP ต้องมีการเตรียมตัวที่ดี ควรศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลขที่ประกาศกับการเคลื่อนไหวของตลาดย้อนหลัง และที่สำคัญต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพราะความผันผวนที่สูงอาจนำมาซึ่งทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น


ความสัมพันธ์ของ ADP กับดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ

ถ้าเราจะดูสุขภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง เราต้องดูหลายๆ ตัวประกอบกัน ไม่ใช่แค่ดูตัวเลขการจ้างงาน (ADP) อย่างเดียว เหมือนหมอที่ต้องตรวจคนไข้หลายๆ อย่างไม่ใช่แค่วัดไข้อย่างเดียว ซึ่งมาดูแต่ละส่วนกัน

ADP กับดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ

เรื่อง GDP กับการจ้างงาน

เปรียบเหมือนวงล้อที่หมุนเสริมแรงกัน เมื่อเศรษฐกิจเติบโต (GDP สูง) บริษัทต่างๆ ก็มีกำไรมากขึ้น นำไปสู่การขยายธุรกิจและจ้างพนักงานเพิ่ม พอคนมีงานทำมากขึ้น ก็มีเงินไปจับจ่ายใช้สอย ทำให้เศรษฐกิจยิ่งเติบโต

  • ถ้าเศรษฐกิจดี(GDP สูง) คนก็มีงานทำเยอะ
  • ถ้าคนมีงานทำเยอะ เศรษฐกิจก็ยิ่งดี
  • เหมือนลูกโซ่ที่ส่งผลต่อกันไปมา

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ:

  • เมื่อ GDP โต 3%
    • บริษัทเทคโนโลยีขยายออฟฟิศใหม่
    • ห้างสรรพสินค้าเปิดสาขาเพิ่ม
    • โรงงานเพิ่มกำลังการผลิต
    • → นำไปสู่การจ้างงานใหม่หลายแสนตำแหน่ง
  • วงจรความสัมพันธ์:

GDP สูง → บริษัทกำไรดี → จ้างงานเพิ่ม → คนมีรายได้ → ใช้จ่ายมากขึ้น → เศรษฐกิจเติบโต → GDP สูงขึ้นไปอีก

  • ในทางกลับกัน:

ถ้า GDP ติดลบ → บริษัทประสบปัญหา → ลดการจ้างงาน → คนตกงาน → กำลังซื้อหาย → เศรษฐกิจชะลอ → GDP ยิ่งแย่

ผลกระทบต่อการลงทุน:

  • เมื่อเห็นตัวเลข GDP ดี นักลงทุนมักมองหาหุ้นในกลุ่ม:
    • ค้าปลีก (เพราะคนมีกำลังซื้อ)
    • อสังหาริมทรัพย์ (คนกล้าซื้อบ้าน)
    • ธนาคาร (ธุรกิจกู้เงินขยายกิจการ)

สิ่งที่ต้องระวัง: การเติบโตต้องสมดุล ถ้า GDP โตเร็วเกินไป อาจนำไปสู่:

  • เงินเฟ้อพุ่ง
  • ฟองสบู่ในตลาดสินทรัพย์
  • การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed
  • ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น

เรื่องเงินเฟ้อกับค่าจ้าง (ความเชื่อมั่นผู้บริโภค)

เมื่อเงินเฟ้อพุ่ง ผลกระทบต่อการจ้างงาน

  • ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น
  • ค่าไฟ ค่าน้ำมันแพงขึ้น
  • บริษัทมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น
  • อาจต้องลดการจ้างงานเพื่อควบคุมต้นทุน
  • พนักงานเรียกร้องขึ้นเงินเดือนตามค่าครองชีพ

เมื่อการจ้างงานสูงเกินไป

  • เกิดการแย่งตัวแรงงาน
  • บริษัทต้องเพิ่มค่าจ้างเพื่อรักษาพนักงาน
  • ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
  • ราคาสินค้าและบริการต้องปรับตัวขึ้นตาม
  • เกิดภาวะเงินเฟ้อจากต้นทุน (Cost-Push Inflation)

บทบาทของ Fed: Fed จะคอยสังเกตความสัมพันธ์นี้อย่างใกล้ชิด

  • ถ้าเงินเฟ้อสูงเกินเป้า (2%) → พิจารณาขึ้นดอกเบี้ย
  • ถ้าการจ้างงานร้อนแรงเกินไป → อาจต้องใช้นโยบายการเงินเข้มงวด
  • ต้องรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตและเสถียรภาพ

เรื่องยอดขายปลีก (ยอดค้าปลีกกับการจ้างงาน)

เมื่อการจ้างงานดี ส่งผลต่อการค้าปลีก

  • คนมีรายได้ประจำ มั่นใจในการใช้จ่าย
  • กล้าซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น
  • ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าคึกคัก
  • ยอดขายออนไลน์เติบโต
  • การใช้จ่ายในหมวดบันเทิงเพิ่มขึ้น

เมื่อยอดค้าปลีกดี ส่งผลต่อการจ้างงาน

  • ร้านค้าต้องเพิ่มพนักงานขาย
  • ศูนย์กระจายสินค้าต้องจ้างคนเพิ่ม
  • ต้องการพนักงานส่งของมากขึ้น
  • เปิดสาขาใหม่ → จ้างงานเพิ่ม
  • ขยายคลังสินค้า → เพิ่มแรงงาน

สัญญาณที่นักลงทุนควรจับตา

  • ติดตามรายงานยอดค้าปลีกรายเดือน
  • สังเกตแนวโน้มการจ้างงานภาคค้าปลีก
  • ดูความเชื่อมั่นผู้บริโภค
  • มองหาโอกาสลงทุนในหุ้นค้าปลีก
  • วิเคราะห์ฤดูกาลการจ้างงาน

สรุปง่ายๆ คือ ถ้าอยากรู้ว่าเศรษฐกิจจะไปทางไหน ต้องดูหลายๆ อย่างประกอบกัน เหมือนต่อจิ๊กซอว์ที่ต้องดูหลายๆ ชิ้นถึงจะเห็นภาพรวมชัดเจน ไม่ใช่ดูแค่ตัวเลขการจ้างงานอย่างเดียว นั้นเอง


ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ADP National Employment Report

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ADP

ปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค เปรียบเสมือนสุขภาพโดยรวมของประเทศ

เช่น

  • ถ้าเศรษฐกิจโตดี (GDP สูง) บริษัทต่างๆ มักจะจ้างคนเพิ่ม
  • หากเงินเฟ้อสูง อาจทำให้บริษัทระวังการจ้างงานมากขึ้น
  • ดอกเบี้ยสูงทำให้ธุรกิจกู้เงินยากขึ้น อาจชะลอการจ้างงาน

ปัจจัยด้านตลาดแรงงาน เกี่ยวกับคนทำงานโดยตรง

เช่น

  • ถ้าค่าแรงสูงขึ้น บริษัทอาจจ้างคนน้อยลง
  • หากมีคนว่างงานเยอะ อาจแสดงถึงเศรษฐกิจไม่ดี
  • ถ้าแรงงานมีทักษะตรงความต้องการ การจ้างงานจะเพิ่ม

ปัจจัยด้านภาคธุรกิจ เป็นเรื่องของบริษัทและการดำเนินธุรกิจ

  • ถ้าบริษัทมีกำไรดี มักจะขยายกิจการและจ้างคนเพิ่ม
  • หากธุรกิจเชื่อมั่นในอนาคต จะกล้าลงทุนและจ้างงานมากขึ้น
  • ธุรกิจที่กำลังเติบโตต้องการแรงงานใหม่เพิ่มเสมอ

ปัจจัยด้านการเมืองและนโยบาย ผลจากการตัดสินใจของรัฐบาล

  • นโยบายลดภาษีอาจทำให้บริษัทมีเงินจ้างคนมากขึ้น
  • กฎหมายแรงงานใหม่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจจ้างงาน
  • มาตรการช่วยเหลือธุรกิจอาจกระตุ้นการจ้างงาน

ปัจจัยตามฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาของปี

  • ช่วงคริสต์มาสมักมีการจ้างงานชั่วคราวเพิ่ม
  • ฤดูร้อนอาจมีงานพาร์ทไทม์สำหรับนักศึกษามากขึ้น
  • ช่วงท่องเที่ยวมีการจ้างงานในภาคบริการเพิ่มขึ้น

ปัจจัยจากต่างประเทศ เหตุการณ์นอกสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อการจ้างงาน

  • สงครามการค้ากับจีนอาจกระทบการจ้างงานภาคการผลิต
  • วิกฤตในยุโรปอาจทำให้บริษัทระมัดระวังการจ้างงาน
  • ราคาน้ำมันโลกสูงอาจทำให้ต้นทุนเพิ่มและจ้างงานน้อยลง

ปัจจัยด้านเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กระทบการจ้างงาน

  • หุ่นยนต์และ AI อาจทดแทนแรงงานบางประเภท
  • งานออนไลน์ทำให้รูปแบบการจ้างงานเปลี่ยนไป
  • ความต้องการคนที่มีทักษะดิจิทัลเพิ่มขึ้น

ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ เกี่ยวกับโครงสร้างประชากรในประเทศ

  • คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เกษียณมากขึ้น ต้องหาคนทดแทน
  • คนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานน้อยลง
  • การย้ายถิ่นของแรงงานต่างชาติมีผลต่อตลาดแรงงาน

ปัจจัยด้านสังคม พฤติกรรมและค่านิยมของคนทำงาน

  • คนรุ่นใหม่อยากทำงานแบบยืดหยุ่นมากขึ้น
  • การทำงานฟรีแลนซ์เป็นที่นิยมมากขึ้น
  • ความสมดุลชีวิตและงานมีความสำคัญมากขึ้น

ปัจจัยด้านสาธารณสุข สถานการณ์ที่กระทบสุขภาพประชาชน

  • โควิด-19 ทำให้รูปแบบการจ้างงานเปลี่ยนไป
  • มาตรการล็อกดาวน์กระทบการจ้างงานโดยตรง
  • นโยบายด้านสุขภาพมีผลต่อต้นทุนการจ้างงาน

ADP National Employment Report: ใครได้รับผลกระทบมากที่สุด?

รู้หรือไม่ว่าตัวเลขการจ้างงานนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อหลายกลุ่ม แต่ที่ได้รับผลมากที่สุดคือ

  1. นักลงทุนในตลาด Forex
    • เพราะตัวเลขนี้กระทบค่าเงินดอลลาร์โดยตรง
    • ถ้าตัวเลขออกมาดี ดอลลาร์มักจะแข็งค่าทันที
    • ถ้าตัวเลขแย่ ดอลลาร์ก็จะอ่อนค่าลง
    • นักเทรด Forex จึงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะสามารถสร้างกำไรหรือขาดทุนได้ในเวลาอันรวดเร็ว
  2. นักลงทุนทองคำ
    • ทองคำมักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับดอลลาร์
    • เมื่อการจ้างงานแย่ คนมักหันมาถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
    • นักลงทุนทองคำจึงใช้ตัวเลขนี้ประกอบการตัดสินใจซื้อ-ขาย
    • ความผันผวนของราคาทองคำในวันประกาศตัวเลขมักสูงกว่าปกติ
  3. Federal Reserve (Fed)
    • Fed ใช้ข้อมูลนี้ประกอบการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย
    • ถ้าการจ้างงานดี อาจนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
    • ถ้าการจ้างงานแย่ Fed อาจต้องคงดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
    • การตัดสินใจของ Fed ส่งผลต่อตลาดการเงินทั่วโลก
  4. ภาคธุรกิจ
    • ใช้เป็นสัญญาณบอกทิศทางเศรษฐกิจ
    • ช่วยในการวางแผนธุรกิจและการลงทุน
    • บอกแนวโน้มต้นทุนค่าแรงในอนาคต
    • สะท้อนกำลังซื้อของผู้บริโภค

เหตุผลที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ เพราะ

  • ต้องตัดสินใจเร็วทันทีที่มีข้อมูลใหม่
  • มีเงินลงทุนจำนวนมากเกี่ยวข้อง
  • ผลกำไร-ขาดทุนขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ที่แม่นยำ
  • มีผลต่อการวางแผนระยะยาว

ที่สำคัญคือ ผลกระทบจะเห็นได้ชัดที่สุดในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังประกาศตัวเลข เพราะตลาดกำลังปรับตัวรับข้อมูลใหม่ ทำให้เกิดโอกาสทั้งกำไรและความเสี่ยงสูงในช่วงเวลาดังกล่าว


กรณีศึกษาที่สำคัญของ ADP National Employment Report

วิกฤติโควิด-19 (มีนาคม 2020)

กรณีศึกษาวิกฤติโควิด-19

  • ตัวเลข ADP: ลดลง 27 ล้านตำแหน่ง
  • ผลกระทบ: เป็นการลดลงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
  • ตลาดการเงิน:
    • ดอลลาร์อ่อนค่าทันที
    • ตลาดหุ้นร่วงแรง
    • ทองคำพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์

ช่วงฟื้นตัวหลังโควิด (กรกฎาคม 2021)

ช่วงฟื้นตัวหลังโควิด

  • ตัวเลข ADP: เพิ่มขึ้น 978,000 ตำแหน่ง
  • สะท้อน: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
  • ตลาด:
    • ดัชนี S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่
    • ดอลลาร์แข็งค่า
    • ทองคำปรับตัวลง

วิกฤตการเงิน 2008

วิกฤตการเงิน 2008

  • ตัวเลข ADP: ลดลงต่อเนื่อง 6 เดือน
  • แสดงถึง: ภาวะถดถอยรุนแรงของเศรษฐกิจ
  • ผลลัพธ์:
    • Fed ลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน
    • รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
    • เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานครั้งใหญ่

การฟื้นตัวหลังวิกฤต 2010

การฟื้นตัวหลังวิกฤต 2010

  • ตัวเลข ADP: เริ่มเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 2 ปี
  • บ่งชี้: การเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • การตอบสนอง:
    • ความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มขึ้น
    • ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัว
    • ภาคธุรกิจเริ่มลงทุนอีกครั้ง

กรณีศึกษาที่สำคัญของ ADP


สรุป

บทสรุปของการเจาะลึก ADP Employment Change ตัวช่วยสำคัญที่จะบอกทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ADP Employment Change หรือ ADP National Employment Report แต่รู้หรือไม่ว่านี่ คือ หนึ่งในตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของสหรัฐอเมริกา

ลองนึกภาพว่าถ้าเศรษฐกิจเป็นเหมือนร่างกายคน การจ้างงานก็เปรียบเสมือนชีพจรที่บ่งบอกว่าร่างกายนั้นแข็งแรงหรือไม่ และ ADP Employment Change ก็เป็นเหมือนการตรวจชีพจรครั้งแรกก่อนที่หมอ (ในที่นี้คือรัฐบาลสหรัฐฯ) จะมาตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง

ทุกวันพุธแรกของเดือน บริษัท Automatic Data Processing หรือ ADP จะเปิดเผยตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานของเดือนที่ผ่านมา โดยข้อมูลนี้มาจากฐานข้อมูลจริงของระบบจ่ายเงินเดือนที่ ADP ดูแลอยู่ ครอบคลุมพนักงานกว่า 26 ล้านคน จากบริษัทเอกชนทั่วประเทศสหรัฐฯ

สิ่งที่ทำให้ตัวเลขนี้มีความพิเศษคือ มันจะออกมาก่อนตัวเลขการจ้างงานทางการ (Non-Farm Payrolls) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ถึง 2 วัน ทำให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ทิศทางตลาดแรงงานได้ล่วงหน้า เหมือนได้เห็น “ตัวอย่างหนัง” ก่อนหนังจะเข้าฉายจริง

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้จะไม่นับรวมการจ้างงานในภาคเกษตรและภาครัฐ เพื่อให้เห็นภาพการจ้างงานภาคเอกชนที่แท้จริง เพราะการจ้างงานในภาคเกษตรมักผันผวนตามฤดูกาล และการจ้างงานภาครัฐมักไม่ได้สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ADP Employment Change ก็เหมือนกับ “การวัดไข้” ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่บอกให้เรารู้เบื้องต้นว่าเศรษฐกิจกำลังร้อน (การจ้างงานเพิ่ม) หรือเย็น (การจ้างงานลด) ก่อนที่จะมีการตรวจละเอียดอีกครั้งจากตัวเลขทางการในอีก 2 วันถัดไป

นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องในตลาดการเงินทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับตัวเลขนี้ เพราะมันไม่เพียงแค่บอกสถานะการจ้างงาน แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค และทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ทีมงาน : thaiforexbroker.com 

สารบัญ

สารบัญบทความ