เข้าใจ price level ด้วย liquidity

เข้าใจ price level ด้วย liquidity

เข้าใจ price level ด้วย liquidity

                เมื่อมองชาร์ตเปล่าประจำ ท่านจะพบว่าราคาจะวิ่งไปหาจุดที่เคยมีร่องรอยแล้วมีการเด้งหรือไปต่อเสมอ เลยทำให้เกิดหลักการเทรดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น support/resistance หรือ supply/demand เพราะพื้นที่ตรงนั้นๆ มี liquidity

                Liquidity คือการที่เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ตามต้องการไม่กระทบราคา  เช่นเมื่อขาใหญ่ต้องการจะเข้าเทรด ด้วยความที่พวกเขาเทรดด้วยวอลลูมเยอะ พวกเขาจำเป็นต้องหาว่าพื้นที่ตรงไหนมี liqudity เยอะพอสำหรับพวกเขาที่จะทำการ เช่นเมื่อจะเปิด sell ตรงไหนมี buy orders มากพอ เมื่อจะเปิด buy ตรงไหนมี sell orders มากพอ แต่ถ้ารายย่อยจะไม่มีผลกระทบเรื่อง liquidity เพราะเทรดเดอร์รายย่อยเทรดวอลลูมน้อยเปิดตรงไหนก็มีออเดอร์ฝั่งตรงข้าม

                การเพิ่มหรืลดลงของ Liquidity เกิดเพราะเรื่องออเดอร์ เช่นเมื่อเทรดเดอร์กำหนด limit orders เข้าไปที่ราคาใดราคาหนึ่งก็เป็นการเพิ่ม liquidity เข้าไปในตลาดที่พื้นที่ตรงนั้น จำนวนมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนวอลลูมที่เปิด หรือแม้กระทั่งการออก positions ที่อยู่ในตลาดด้วยการปิดกำไรหรือ take profit ก็เป็นการเพิ่ม liquidity เข้าไป ดังนั้นเมื่อขาใหญ่จะเปิด sell พวกเขาก็ต้องการ buy liquidity ที่มากพอพื้นที่ๆ พวกเขาต้องการ เพราะมี liquidity พวกเขาก็จะสามารถเปิดเทรดพื้นที่ตรงนั้นได้หมดโดยไม่กระทบราคา เพราะถ้า liquidity ตรงข้ามกับที่พวกเขาเทรดไม่พอ ก็จะทำให้ราคาวิ่งไปหา liquidity ที่ราคาต่อไป ทำให้เกิดการกระทบโครงสร้างราคา

                อะไรทำให้ liquidity เกิด

                เกิดเพราะการอยากเข้าเทรดหรือเปิด position และเทรดเดอร์จำพวกที่เปิด positions ที่ต้องออกจากการเทรด เพื่อสะสมกำไรหรือเพื่อจำกัดความเสี่ยงแล้วแต่ เรื่องแรกการอยากเข้าเทรด เพราะเป็นการเทรดเพราะเมื่อเงื่อนไข technical analysis ได้แล้วหา trade setup ได้ตามที่เงื่อนไขการเทรดบอก หรือเปิดเทรดเพราะเรื่องข่าวพื้นฐานที่คาดการณ์ว่าราคาน่าจะไปต่อทางไหน ด้วยระยะเวลาที่กำหนดแล้วแต่ ส่วนมากเทรดเดอร์ที่อิงการเข้าเทรดจากข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับค่าเงินนั้นๆ มักจะเป็นการถือ position ที่ยาว เช่นเทรดเดอร์กลุ่ม swing traders และ position traders

                เช่นเมื่อ impulsive move เกิดขึ้น เทรดเดอร์ที่รอเข้าจากการเห็นข้อมูลนี้เปลี่ยนไป ก็จะหันมาเพิ่ม buy limit orders ตรงที่กรอบสีเขียวที่เป็นพื้นที่ต้นตอราคาเอาชนะ พื้นที่ตรงนี้ก็จะเกิดมี buy limit orders หรือ buy liquidity เมื่อราคาลงมาก็จะหยุดตรงนี้เป็นหลักเพราะ buy limit liquidity ซึมซับ sell market orders ที่เข้ามาเลยทำให้ราคาหยุด เมื่อมีการเปิดเทรด buy market orders ก็จะทำให้ราคาขึ้นได้ง่ายเพราะไม่ค่อยมี sell limit orders แถวนี้  ที่จะบอกกตรงนี้คือเรื่องของ technical analysis คือแหล่งข้อมูลที่กระตุ้นให้เทรดเดอร์เปิดเทรด หรือกำหนด limit orders ที่ราคาตัวเองต้องการ ดังนั้นเมื่อ technical analysis เปลี่ยนไป ก็จะกระตุ้นหรือเปลี่ยนทางการวิเคราะห์ของเทรดเดอร์ที่รอเข้าตลาดเปลี่ยนไป technical analysis ต่างๆ เช่นเรื่อง แนวรับ-แนวต้าน supply-demand หรือ pivots หรือจากอินดิเคเตอร์ต่างๆ ยิ่งมีเรื่องของ confluence เข้ามาประกอบด้วย ยิ่งทำให้เทรดเดอร์อยากเทรดเยอะ เลยทำให้พื้นที่ๆ เป็นจุดวิเคราะห์ด้าน technical analysis เป็นพื้นที่ๆ มี liquidity เยอะ 2 พื้นที่ด้านบนก็หลักการเดียวกัน

                จะเห็นว่า Impulsive move ทำให้เกิด flipping level จาก resistance เป็น support หรือจาก support เป็น resistance หรือจาก supply กลายเป็น demand หรือจาก demand เป็น supply

                แหล่งที่ 2 ที่ทำให้เกิด liquidity ที่พื้นที่นั้นๆ คือการออกจากตลาดของเทรดเดอร์ที่ถือ positions อยู่ในตลาด การเทรดเมื่อท่านถือ position อยู่ในตลาด คำสั่ง stop loss หรือ take profit เมื่อท่านกำหนดไว้ที่ราคาไหน ก็เท่ากับการที่กำหนด เพิ่ม liquidity เข้าไปที่ราคานั้นด้วย  เช่นอย่างภาพด้านบนพื้นที่ stop loss ของ 2 กลุ่มเทรดเดอร์หลักๆ ก่อนที่ราคาทำ Impulsive move และกลุ่มที่เทรดตามอีก แต่คำสั่ง stop loss orders จะทำหน้าที่ 2 อย่างมากกว่า limit order คือ นอกจากจะเป็น limit order คือเพิ่ม Liquidity เข้าที่ราคานั้นๆ แล้ว เมื่อราคามาแตะยังกลายไปเป็น market orders ด้วย ดังนั้น พวก stop loss orders มักจะเป็นที่จับตามองโดยขาใหญ่ตลอดไม่ว่าจะอยู่แถวไหน อย่างในกรณีนี้ก็จะใช้ stop loss เป็นแหล่งที่มาออเดอร์หนึ่งที่จะดันราคาไปต่อแบบไม่ต้องมาเปิด market order เพิ่มเอง และอีกอย่างพื้นที่ๆ มี stop loss orders อยู่ก็จะมี buy/sell stop orders อยู่ด้วย ที่เป็นการเข้าตลาดของเทรดเดอร์ประเภท breakout

                ภาพด้านบนนี้จะเห็นว่าราคาได้ลงมาและเบรค demand ลงมา ก็จะมีการเข้าเทรดหรือการกำหนด buy limit order เลยทำให้ราคาหยุด  ทำให้เรารู้ว่า liquidity ก็จะเกิดตาม price level ?มีผลมาจากร่องรอยการเทรดและ technical analysis เป็นหลัก  สิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากเรื่องการลด liquidity ไปด้วยการ sell market orders ลงมาหา buy limit order พื้นที่ price levels ต่างๆ จากนั้น buy limit orders พวกนั้นได้กลายมาเป็น long positions ที่พื้นที่ราคานั้นๆ  positions พวกที่เกิดพวกนี้จะมีการเพิ่ม liquidity ตลอดได้เมื่อมีการกำหนด stop loss และ take profit เข้าไป โดยเฉพาะพื้นที่ stop loss ที่ให้ความสำคัญเพราะเป็นพื้นที่ต้องออกเพื่อจำกัดความเสี่ยงต่อพอร์ตเทรด ดังนั้นการเดาพื้นที่ stop loss orders จึงมักยาก แค่รู้ว่ารายย่อยจะเทรดตรงไหน และหลักการตั้ง stop loss เป็นอย่างไร เมื่อขาใหญ่เห็นการเข้าเทรดที่ price levels เขาก็มองออกว่า stop loss อยู่แถวไหนบ้าง เมื่อพวกเขาจะเข้าเทรดบ้าง พวกเขาแค่กำหนด buy limit orders ที่แถวพื้นที่ stop loss เมื่อราคาไปแต่ stop loss orders พวกนั้นก็จะกลายเป็น sell market orders ก็จะวิ่งเข้าหา buy limit orders ที่พวกเขากำหนดไว้ พวกเขาก็ได้เข้าตลาดที่ราคาดีกว่า stop hunt จึงเกิดเป็นปกติที่ price level เพราะ price level มี liquidity ที่พวกเขาสามารถใช้ได้ตามที่อธิบายมา

ทีมงาน : thaiforexbroker.com